หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสาร มาตรการธนาคารรัฐ ช่วยคนไทยฝ่าน้ำท่วม
วันที่เผยแพร่ 19 ต.ค. 2565
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสาร มาตรการธนาคารรัฐ ช่วยคนไทยฝ่าน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือมาตรการช่วยเหลือน้ำท่วมจากแบงก์รัฐ จำนวน 7 แห่ง รวม 21 มาตรการ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ธนาคาร หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ออกประกาศ เป็นต้นไป สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมปี 2565 ของแบงก์รัฐทั้ง 7 แห่ง มีดังนี้
- ธนาคารออมสิน จำนวน 5 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการพักชำระหนี้ โดยสามารถเลือกชำระเฉพาะดอกเบี้ย 10-100% และกรณีอยู่ระหว่างจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาแบบคงที่ สามารถขอลดการชำระเงินงวด 50% ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
- มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยปลอดชำระค่างวด 3 งวดแรก สำหรับบุคคลธรรมดา เพื่อเป็นเงินทุนในการดำรงชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
- มาตรการสินเชื่อเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยปลอดชำระเงินต้นในปีแรก สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย วงเงินกู้สูงสุด 10% ของวงเงินกู้เดิมหรือไม่เกิน 5 ล้านบาท
- มาตรการสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.49% เป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับลูกค้าเดิมและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อซ่อมแซมต่อเติมที่อยู่อาศัยส่วนที่เสียหายได้ 100% ของหลักประกัน
- มาตรการสินเชื่อบุคคลแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.99% เป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอเนกประสงค์ในการบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 500,000 บาท ทั้งนี้ สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ประกาศภัยพิบัติ
สอบถามเพิ่มเติม: Contact center สายด่วน 1115
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 3 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการขยายระยะเวลาชำระหนี้ สูงสุด 12 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับ สำหรับเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
- มาตรการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินปี 2565-2566 อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate : MRR) หรือประมาณ 6.5% ต่อปี ตั้งแต่เดือนที่ 7 เป็นต้นไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
- มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต อัตราดอกเบี้ย MRR -6 หรือประมาณ 4.5% ต่อปี เพื่อเป็นค่าซ่อมแชมบ้านเรือนและทรัพย์สิน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 500,000 บาท ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สอบถามเพิ่มเติม: Contact center 02-555-0555
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย 50% จากเงินงวดที่ชำระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน กรณีหลักประกันของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหาย และอยู่ระหว่างจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาแบบลอยตัว
- มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี กรณีปลูกสร้างอาคารทดแทนอาคารเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยกำหนดวงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหลักประกัน สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่
- มาตรการประนอมหนี้ สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างประนอมหนี้
- กรณีหลักประกันเสียหาย ได้รับการปลอดดอกเบี้ยและเงินงวด 6 เดือนแรก เดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี
- กรณีได้รับผลกระทบต่อรายได้ ได้รับการปลอดดอกเบี้ยและเงินงวด 6 เดือนแรก เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี
- กรณีเสียชีวิตหรือผู้กู้หรือทายาทผ่อนชำระต่อ ได้รับอัตราดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ 0.01% ต่อปี
- กรณีหลักประกันได้รับความเสียหายทั้งหลังไม่สามารถซ่อมแซมได้ ได้รับปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือ
- มาตรการสินไหมเร่งด่วน จะได้รับค่าสินไหมเร่งด่วนกรณีพิเศษ กรณีทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ สำหรับลูกหนี้ที่เป็นผู้ประสบภัย ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2565
สอบถามเพิ่มเติม: Contact center 0-2645-9000
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ พักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในเขตพื้นที่ที่ธนาคารกำหนด
- มาตรการสินเชื่อ SMEs Re-Start อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 5.5% ต่อปี ปลอดระยะเวลาชำระเงินต้น 2 ปีวงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท
สอบถามเพิ่มเติม: Contact center 0-2265-3000 หรือสายด่วน 1357
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำนวน 1 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย 2565 ได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะกำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชำระ (Late charge) ที่สำหรับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าสินเชื่ออุปโภคบริโภค ทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน หรือสินเชื่อธุรกิจแบบมีกำหนดระยะเวลาของธนาคารฯ (Term Financing) ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
สอบถามเพิ่มเติม: Contact center สายด่วน 1302
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการเพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิมแต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท
- มาตรการเพิ่มวงเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ (Prime Rate) หรือประมาณ 5.75% โดยปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 3 เดือน วงเงินกู้เพิ่มเติมสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท
- มาตรการลดเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี
- มาตรการขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
ทั้งนี้ หากลูกค้าตามข้อ 6.3 และ 6.4 ชำระหนี้ได้ปกติ จะได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยคืน (Rebate) 2% ต่อปี โดยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สอบถามเพิ่มเติม: Contact center 0-2169-9999
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปัจจุบันของ บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ปี 2565
- มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ บสย. สามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยืดหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ยได้ต่ำสุด 0% ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี
สอบถามเพิ่มเติม: Contact center 0-2890-9999
ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 18 ตุลาคม 2565
ข่าวต้นฉบับ: https://www.dailynews.co.th/news/1591918