ข่าวสาร

790x442.jpg

DITP เปิดม่าน SMEs Pro-active มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการต่อเนื่องเป็นระยะที่ 3

วันที่เผยแพร่ 05 ก.ย. 2561


    

    

โครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs  Pro-active) โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เตรียมก้าวเข้าสู่ ระยะที่ 3 (ปีงบประมาณ 2562-2564) สานต่อความสำเร็จจากระยะที่ 1 และ 2 โดยมีการปรับเปลี่ยน และเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการระยะใหม่ เพื่อขยายฐานการสนับสนุนผู้ประกอบการและ อำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมโครงการและขอรับบริการ 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ดำเนินการ โครงการ SMEs Pro-active ผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการ (SMEs) ไทยในการเข้าร่วมงานแสดง สินค้าระดับนานาชาติที่มีศักยภาพและกิจกรรมทางการตลาดอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างเครือข่ายธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างและเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ (SMEs) ไทยทั้งในด้านการแข่งขันทางการค้าและความสามารถในการขยายฐานตลาดต่างประเทศ การดำเนินโครงการระยะที่ 1 (ปีงบประมาณ 2556 - 2558) ได้สนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 2,600 ราย (กิจกรรมงานแสดงสินค้าและเดินทางไปเจรจาธุรกิจ ในต่างประเทศกว่า 427 งาน) เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกรวมกว่า 269 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8,600 ล้านบาท และการดำเนินโครงการระยะที่ 2 รวมสนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 1,747 ราย (กิจกรรมงานแสดงสินค้าและเดินทางไปเจรจาธุรกิจในต่างประเทศกว่า 520 งาน) มูลค่าทางเศรษฐกิจ จากการส่งออกรวมประมาณ 211 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,963 ล้านบาท 

ในส่วนของระยะที่ 3 มีการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งการปรับหลักเกณฑ์การสนับสนุนและ เพิ่มเติมลักษณะกิจกรรมที่สนับสนุนของโครงการ เพื่อตอบสนองตามข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการ ระยะที่ผ่านมา พร้อมปรับปรุงให้โครงการมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ได้แก่ การเริ่มต้นนับสิทธิ์การเข้าร่วม ตั้งต้นใหม่ (Set Zero) ส าหรับระยะที่ 3 เพื่อเปิดโอกาสแก่ผู้ใช้สิทธิ์รายเก่าที่ใช้สิทธิ์ครบจ านวนจาก ระยะก่อนหน้า รวมถึงแก้ไขคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการเป็นนิติบุคคลที่มีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยย้อนหลัง  3 ปีไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อขยายฐานการสนับสนุนให้ครอบคลุมผู้ประกอบการมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่ม โอกาสให้ผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ซึ่งส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านกิจกรรมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการ ในต่างประเทศ ‘Oversea trade exhibitions’ จ านวน 6 ครั้ง โดยได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท และกิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจในต่างประเทศ ‘Business Opportunities and Partnership’ ประกอบด้วยกิจกรรมเจรจาการค้า (Business Matching) และ กิจกรรมน าเสนอผลงาน (Business Pitching) เพื่อขายและ/หรือระดมเงินทุน เช่น การประกวด ภาพยนตร์และสารคดีในต่างประเทศ จ านวน 6 ครั้ง และได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ  200,000 บาท 

นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้น าระบบการบริหารจัดการโครงการออนไลน์ (Online Platform) โดยเฉพาะการใช้ฐานข้อมูลออนไลน์ในกระบวนการรับสมัคร ประเมินผล และติดตามผลมาปรับใช้ใน การบริหารโครงการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย E-Government ของรัฐบาล



 ภาพประกอบ