![790x442.jpg](https://webdata.thaichamber.org/public/upload/images/news/790x442.jpg)
ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา Partnership School Project
วันที่เผยแพร่ 06 มิ.ย. 2561
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา Partnership School Project ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ระหว่างนายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกับตัวแทนผู้บริหารองค์กรที่สนับสนุนด้านการศึกษา จำนวน 12 หน่วยงาน ดังต่อไปนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
- บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
- กลุ่ม ปตท.
- กลุมมิตรผล
- มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ
- IKEA Southeast Asia
- กลุ่มสยามพรีเสิร์ฟฟู้ดส์
- บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลอีสาน จำกัด
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวรายงานถึงวัตุประสงค์ของโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา” ว่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในด้านการบริหารจัดการ ร่วมพัฒนาและสนับสนุนสถานศึกษา ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมพัฒนาคุณภาพ และรังสรรค์นวัตกรรมการบริหารจัดการของสถานศึกษา ให้สามารถยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตให้แก่ผู้เรียน ตลอดจนให้สถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของทุกคนในชุมชน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาทักษะของคุณภาพชีวิต และให้สถานศึกษาภูมิภาคทั่วประเทศได้รับโอกาส ในการพัฒนาอย่างทั่วถึง นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสเป็นประธานสักขีพยานของพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ความตอนหนึ่งว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มุ่งให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาเป็นวาระสำคัญ โดยมุ่งหวังให้ประสบความสำเร็จเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ด้านการศึกษาให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “การพัฒนาและการรังสรรค์นวัตกรรมในรูปแบบใหม่” หรือ Sandbox ทั้งนี้ รัฐบาลขอขอบคุณผู้สนับสนุนจากภาคเอกชน ทั้ง 12 หน่วยงาน รวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่เห็นความสำคัญ และแสดงเจตนารมณ์ในการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลคาดหวังให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันพัฒนา และรังสรรค์นวัตกรรมของการบริหารจัดการสถานศึกษา เพื่อเป็นต้นแบบ และขยายผลอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมกันทางด้านการศึกษาของประเทศให้ดียิ่งขึ้นตลอดไป
หลังจากนั้น รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ และตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ผู้นำชุมชนจากทุกภาคส่วนได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความเข้าใจโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project) ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและตัวแทนผู้บริหารองค์กรที่สนับสนุนด้านการศึกษาของภาครัฐ จำนวน 12 หน่วยงาน พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกเป็นเสร็จพิธี