หอการค้าไทยหารือถึงนโยบายการเงินการธนาคารในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
วันที่เผยแพร่ 21 ส.ค. 2562
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ มีโอกาสได้เข้าพบนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือถึงนโยบายการเงินการธนาคารในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย แนวทางการแก้ไขปัญหาความแข็งค่าของสกุลเงินบาท ความคืบหน้าของนโยบายส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ในการทำการค้ากับประเทศในกลุ่ม CLMV เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การผ่อนปรนหรือปรับปรุงมาตรการควบคุมเพดานสินเชื่อที่อยู่อาศัย LTV (Loan to Value) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว และความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับธนาคารแห่งประเทศไทย
ในการประชุมครั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง แต่จะเห็นว่าเงินบาทแข็งยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ซึ่งต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 ปี และเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านๆ กลับอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย และยิ่งจีนมีการปรับค่าเงินให้อ่อนลงไปอยู่ที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์ ภายใต้สถานการณ์สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น จะยิ่งทำให้ไทยมีปัญหาในด้านราคามากยิ่งขึ้น หอการค้าไทยจึงได้เสนอให้นำมาตรการอื่นเข้ามาช่วยทั้งมาตรการเบา-กลาง และหนัก เช่น การลดดอกเบี้ยนโยบาย และหากพบสัญญาณการเก็งกำไร ธปท.อาจต้องออกมาตรการระดับความหนัก เพื่อดูแลเงินทุนไหลเข้า-ออก และดูแลยอดบัญชีคงค้างของต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมไปถึง ผลักดันให้มีการใช้สกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของดอลลาร์ ปัจจุบันหลายประเทศมีการส่งออกสินค้าในรูปเงินบาทแล้ว เช่น ออสเตรเลียมีสัดส่วนการใช้ 37% ลาว 64% และเมียนมา 53% ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่จะต้องสนับสนุนต่อเนื่อง
นอกจากนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าฯ ยังเสนอให้ ธปท.และภาครัฐ ร่วมกันสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งประเด็นนี้อาจจะต้องหารือกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง และในส่วนของ ประเด็น มาตรการ LTV และ กฎหมายภาษี E-Payment ธปท.รับเรื่องดังกล่าวไปทบทวน และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ภาพประกอบ
