Sivatel Bangkok Hotel
Sivatel Bangkok Hotel
วันที่เผยแพร่ 30 ส.ค. 2564

Sivatel Bangkok Hotel : Sustainable Boutique Hotel
โรงแรมใจกลางเมืองที่มีแก่นแกนเป็นความสุขและการแบ่งปัน

     Sustainable Boutique Hotel ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดความพอเพียง การปรับเส้นทางเดินของธุรกิจ และเลือกวางตัวเองอยู่บนคำว่า ‘ความยั่งยืน’ ซึ่งถึงแม้ว่าความตั้งใจ ดูเหมือนว่าจะใหญ่เกินความสามารถ และยากที่จะเกิดขึ้นจริง เมื่อทำความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทฤษฎีนี้ จึงเป็นกรอบความคิดและวิธีการที่ทำให้โรงแรมกลางเมืองแห่งนี้ เดินไปสู่ความยั่งยืนในแบบของตัวเองที่ทำได้อย่างดี และมีความสุข

     Sustainable Boutique Hotel คือ คำที่ใช้สื่อสารกับพนักงาน เพื่อให้ทุกคนมองเป้าหมายในการทำงานว่าจะร่วมสร้างโรงแรมที่ยั่งยืน เราใช้หลักการทรงงาน “ระเบิดจากข้างใน” เพื่อให้ได้รู้จักตัวเองในฐานะโรงแรมแห่งความสุข เป็นความสุขที่เกิดจากการรู้จักประมาณตัวเองและการแบ่งปันอย่างยั่งยืน จากหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พูดถึงเรื่องการทำงานอย่างมีความสุข นั่นคือเหตุผลที่เรา ให้ความสำคัญ เรื่องรอยยิ้ม น้ำใจ และจิตบริการ เมื่อสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องออกมาจากข้างใน ไม่สามารถบังคับให้ใครทำได้ เราจึงมองความสุขของพนักงานเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง และพนักงานจะเป็นตัวแทนส่งต่อความสุขผ่านบริการที่ดีไปให้ลูกค้า

  ปัญหาหรือที่ส่งผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19  

  • จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงและไม่มีลูกค้าเข้ามาพักเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
  • ค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านบุคลากร
  • วัตถุดิบเพื่อประกอบเป็นอาหาร ที่สั่งมาใช้ในโรงแรมคงเหลือมากขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้ลดลง
  • ปัญหาขยะจากโรงแรม โดยเฉพาะขยะเปียกที่เหลือจากการทำอาหารในโรงแรม

  การแก้ไขปัญหาจากผลกระทบโควิด-19  

ความพอประมาณ : ความสุขที่เกิดจากการรู้จักประมาณตัวเอง โรงแรมแห่งความสุขอย่างสมบูรณ์และการแบ่งปันอย่างยั่งยืน ยึดหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ข้อ เรื่องการทำงานอย่างมีความสุข เน้นรอยยิ้ม น้ำใจ และจิตบริการ เหล่านี้เป็นสิ่งที่บอกให้ทำไม่ได้ แต่มันต้องออกมาจากข้างใน เมื่อพนักงานมีความสุข เชื่อว่าพนักงานจะได้ส่งต่อความสุขผ่านบริการที่ดีไปให้ลูกค้าเราตั้งใจจะทำให้โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมแห่งความสุขอย่างสมดุลและการแบ่งปันอย่างยั่งยืน จากตัวพนักงานไปถึงลูกค้าที่มาพัก ไม่เป็นแค่ความสุขของตัวเองแต่เป็นความสุขที่เกิดจากการมีส่วนช่วยเหลือสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

ความมีเหตุมีผล : คัดเลือกวัตถุดิบอย่างมีเหตุและผล โรงแรมเลือกวัตถุดิบจากเพื่อนเครือข่ายเกษตร ข้าวกล้องและผักปลอดสารจากไร่รื่นรมย์ จังหวัดเชียงราย ข้าวหอมมะลิจากเกษตรกรทัพไทย จังหวัดสุรินทร์ หมูหลุมอินทรีย์จากฟาร์มในราชบุรี ไก่อารมณ์ดีที่เลี้ยงปล่อยตามธรรมชาติ จากแทนคุณ ออร์แกนิคฟาร์มที่นครปฐม เป็นต้น เราจึงได้อาหารปลอดภัยและมีคุณภาพ ยิ่งช่วงโควิด-19 ทุกคนต้องหารอาหารปลอดภัย จึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างเรา สุดท้ายโรงแรมกลางเมืองอย่างเรา เป็นพื้นที่สังสรรค์กันระหว่างชุมชนกับคนเมือง ร่นระยะทางจากฟาร์มทั่วไทยส่งตรงสู่กรุงเทพฯ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น

ความมีภูมิคุ้มกันที่ดี : รากฐานครอบครัวดี ช่วยให้มีภูมิคุ้มกัน ผู้บริหารและพนักงานทุกคน คือ พี่น้องและครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น พนักงานฝ่ายต้อนรับ ฝ่ายจัดซื้อ คนครัวทั้งหมด หรือแม้แต่พนักงานเปิดประตู ซึ่งพวกเขาเหล่านี้อยู่กับโรงแรมมานาน ใช้ชีวิตอยู่ที่โรงแรมมากกว่าที่บ้านเสียอีก นั่นทำให้พวกเขาสนิทสนมและห่วงใยกันราวคนในครอบครัว เรานำโครงการ Happy Workplace โมเดลหลักสำหรับขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรของโรงแรม ที่ให้พนักงานมาร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ใส่บาตรร่วมกันทุกเดือน จัดปาร์ตี้วันเกิดและทริปด้วยกัน ส่วนกิจกรรมยอดฮิตคือ การทำธนาคารขยะที่เปิดให้พนักงานทุกคนนำขยะจากบ้านมาขาย และให้ความรู้เรื่องการแยกขยะเพื่อเพิ่มมูลค่า เป็นการช่วยปลูกฝังพนักงานให้เกิดจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมไปในตัว สอดคล้องกับแก่นหลักของโรงแรมเราพอดี

การส่งเสริมความรู้ : การส่งเสริมความรู้ เป็นสิ่งที่โรงแรมให้ความสำคัญ เราจัดทริปให้พนักงานที่เกี่ยวข้อง ได้ไปเรียนรู้แหล่งวัตถุดิบอาหารที่มาใช้ในโรงแรม การโน้มน้าวใจ ให้ทั้งโรงแรมเปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์ทั่วไป มาเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค โดยการพาทุกคนไปดูไร่รื่นรมย์เชียงรายด้วยกัน ให้ฝ่ายครัวประทับใจในรสชาติจนอยากใช้วัตถุดิบเหล่านั้น และให้ฝ่ายจัดซื้อเข้าใจสาเหตุที่ราคาวัตถุดิบต้องสูงขึ้น ส่วนฝ่ายขายก็มีความรู้ที่ถูกต้องไปนำเสนอต่อได้ ซึ่งโรงแรมก็ทำแบบนี้กับทุกฟาร์ม ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารให้กับโรงแรม นี่เองคือ ‘ความเชื่อมโยง’ เมื่อมีความรู้มาใช้ประกอบการเปลี่ยนแปลง ขนาดที่ใหญ่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป

“แต่ก่อนเราก็เหมือนโรงแรมอื่นๆ คือฝ่ายจัดซื้อมีหน้าที่แค่ซื้อของ เขาก็จะเห็นแต่ราคาและไปติดที่คำว่าแพง แต่พอเราชี้ให้เขาเห็นครบทั้งกระบวนการ ว่าถึงตัวเลขจะดูแพง แต่เมื่อคำนึงเรื่องอายุการจัดเก็บที่ยาวนานขึ้น ทำให้มีขยะเหลือจากการตัดแต่งวัตถุดิบน้อยลง ต้นทุนมันถูกลงนะ คุณภาพของที่ได้มามันมีเหตุผลในตัวมัน เขาก็จะเข้าใจไปด้วย”

การส่งเสริมคุณธรรม : โรงแรมที่ตั้งมั่นอยู่บนคุณธรรม ปลูกจิตสำนึกที่ดีให้ผู้มาเข้าพัก สำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม และเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความใส่ใจสิ่งแวดล้อมลงในจิตใจของทุกคนในโรงแรม อาทิ

  • อยู่อย่างไร้พลาสติก เลิกใช้ขวดพลาสติกแล้วเปลี่ยนมาเป็นขวดแก้ว เปลี่ยนสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องน้ำ จากขวดเล็ก ๆ มีตราโรงแรม เปลี่ยนมาเป็นขวดปั๊ม ทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลง ปัจจุบันการคัดแยกและบันทึกน้ำหนักขยะที่ทำกันทุกเดือน บ่งบอกชัดว่าตัวเลขของขยะประเภท Single Use Plastic ลดลงได้แล้วแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์
  • กินอย่างเคารพธรรมชาติ โรงแรมดีไซน์เมนูอาหารต่างๆ ให้ใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า เหลือเป็นขยะเศษอาหารให้น้อยที่สุด อาทิ เศษผักโรยหน้าอย่างต้นหอม ขึ้นฉ่าย นำไปตากแห้งแล้วโรยเกลือ แปลงโฉมเป็นผงชูรสจากธรรมชาติที่ดีกับสุขภาพ ส่วนเศษเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหัวปลาและโครงไก่ จับหยิบใส่หม้อก็ได้เป็นหัวเชื้อของน้ำสต๊อกที่ใช้ปรุงสารพัดเมนูต้มในครัว หรือกระดูกของปลาแซลมอน ซึ่งมีเนื้อปลาที่ซ่อนอยู่ เอากระดูกไปอบ เพื่อให้เนื้อร่อนออกง่ายขึ้น ก่อนนำเนื้อที่ได้ไปทำเป็นข้าวผัดปลาแซลมอนหรือยำปลาแซลมอนได้

  ผลลัพธ์ที่ได้จากการแก้ไขปัญหา   

  • เชื่อมโยงจากชุมชนสู่คนเมือง : สำหรับชุมชน คือ กำลังใจว่าอย่างน้อยมีผู้ประกอบการเห็นคุณค่า ในงานของเขา ที่เขาพยายามจะทำ ยังเห็นความหมายของสิ่งที่ชุมชน หรือเกษตรกรผลิต เราอยู่กลางเมือง อยากให้เห็นว่าเรายังทำได้ ถ้าเราอยู่ใจกลางเพลินจิตที่ที่ดินแพงสุดในกรุงเทพฯ เราทำสิ่งเหล่านี้ได้ ทั้ง ๆ ที่เราอยู่ห่างไกลจากเกษตรกรมากกว่า ถ้าคุณเป็นโรงแรมที่เชียงใหม่ ขอนแก่น หรืออัมพวา ซึ่งคุณอยู่ใกล้เกษตรกรและชุมชนมากกว่าเราเยอะ ถ้าสิ่งเหล่านี้เราทำได้ ใครๆ ก็ทำได้
  • ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เราเห็นว่าเรามีความสุขกับการทำธุรกิจแล้ว ซึ่งมีส่วนร่วมช่วยแก้ปัญหา ถึงแม้ว่าทุกคนอาจจะบอกว่า ทำองค์กรเดียวแล้วไม่เกิดผลหรอก แต่สิ่งที่เราคาดหวังมากกว่านั้นคือ การได้เข้ามาสัมผัสกับเรา เราเชื่อมั่นว่าเขาจะได้รับพลังบวก หรือได้แรงบันดาลใจบางอย่างกลับไป แค่นั้นเราก็รู้สึกว่างานที่ทำ มันมีความหมายกับผู้คน กับสังคม กับประเทศชาติ กับสิ่งแวดล้อมแล้ว

  ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์  

     วันนี้ผู้ประกอบการไม่น้อยยังคงสาละวนกับการแก้ไขปัญหาให้ธุรกิจของตัวเองลุกขึ้นเดินหน้าต่อ ในฐานะผู้บริหารซึ่งเจอปัญหาไม่ต่างกัน เรียนรู้จากวิกฤตครั้งนี้ว่า นับจากนี้ธุรกิจโรงแรมคงหวังพึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติมากไม่ได้เหมือนแต่ก่อน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันแสดงให้เห็นแล้วว่าสิ่งนี้ไม่ยั่งยืน ความจริงคือมันรอไม่ได้แล้ว ทุกคนต้องช่วยกัน แต่น้อยคนที่จะตระหนักไปถึงตรงนั้น แต่ที่แน่ ๆ ความตระหนักขององค์กรต่าง ๆ หลังจากนี้จะมีมากขึ้น ของลูกค้าก็จะมีมากขึ้น ถ้าคุณรอให้ลูกค้ามาเยอะๆ แล้วค่อยทำ  ตอนนั้นก็กลายเป็นผู้ตามแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ที่กำลังเหนื่อยและท้อ แต่สุดท้ายเราว่ามันต้องขับเคลื่อนไปด้วยกันทั้งห่วงโซ่อาหาร ขาดจากกันไม่ได้ ทุกคนต้องเชื่อมโยงกัน เกื้อกูลกัน เราจึงจะไปรอด

  ข้อมูลกิจการ  

     เจ้าของ : อลิสรา ศิวยาธร (หนิง)

     ธุรกิจ : Sivatel Bangkok Hotel

     จังหวัด : กรุงเทพมหานคร